รีวิว one piece live action หลังจากที่รอวันพีซฉบับคนแสดงมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ได้ดูกันแล้ว ขอบอกเลยว่าแฟนวันพีซอย่างเราตื่นเต้นกันสุดๆ เพราะถ้าหากพูดถึงไลฟ์แอ็กชัน หลายคนอาจส่ายหน้าหนีเนื่องจากไม่ค่อยจะตรงกับต้นฉบับสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งเรื่องวันพีซ ที่สุดแสนจะแฟนตาซีจะทำออกมาเป็นเวอร์ชันคนแสดงได้อย่างไรกัน โดยวันนี้ทางเราจะมารีวิว ONE PIECE Live Action แต่ขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่ใช่คอหนัง แต่เป็นสายอนิเมะ เลยอยากจะมารีวิวในมุมของคนที่รักวันพีซมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นรีวิวจากความคิดส่วนตัวเท่านั้น หากผิดพลาดประการต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
ซีรีย์ ONE PIECE ฉบับ Live Action จาก Netflix มีทั้งหมด 8 ตอน ตกตอนละประมาณชั่วโมง มีทั้งซับไทยและพากย์ไทย เนื้อเรื่องจะเล่าเริ่มตั้งแต่ที่ลูฟี่ออกเดินทางผจญภัย แล้วได้พบกับพรรคพวกอย่างโซโล นามิ อุซป และซันจิ จนไปถึงในตอนที่พวกลูฟี่ได้ช่วยนามิและหมู่บ้านจากพวกอาลองได้สำเร็จ ซึ่งตอนจบนี้ตรงกับเนื้อหาในมังงะเล่มที่ 12 และอนิเมะตอนที่ 45 หากใครอยากไปดูเนื้อเรื่องต่อจากหนัง ทางเราขอแนะนำว่าควรเริ่มดูหรืออ่านใหม่ดีกว่า เพราะทางซีรีย์ตัดเนื้อหาหลายเรื่องออกไปเยอะพอสมควร
รีวิว one piece live action รีวิวตัวละครวันพีซ ฉบับคนแสดง
รีวิว one piece live action นักแสดงนำทั้ง 5 คน ต้องขอบอกเลยว่าแคสมาได้ตรงตามคาแรคเตอร์มากๆ แทบไม่มีอะไรติดขัด เป็นกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางที่ลงตัวสุดๆ ทีนี้มารีวิวแต่ละคนกันต่อดีกว่า
อิญญากิ โกดอย (Iñaki Godoy) รับบทเป็น มังกี้ ดี ลูฟี่
สำหรับคาแรคเตอร์ลูฟี่ในซีรีย์ สำหรับเราเรารู้สึกว่าลูฟี่คนแสดงมีความนิ่งและความฉลาดกว่ามังงะนิดหน่อย แต่ว่าก็ยังคงเป็นลูฟี่นะ ทั้งรอยยิ้ม ความกวน ความซื่อ ความจริงใจ และความรักพวกพ้อง ซึ่งอิญญากิแสดงออกมาได้อยู่หมด เรียกได้ว่าตัวเขานั้นคือลูฟี่เลยจริงๆ และยังคงนึกภาพไม่ออกว่าถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครที่แสดงเป็นลูฟี่ได้อีก
เอมิลี รัดด์ (Emily Rudd) รับบทเป็น นามิ
แมวขโมยประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง โดยฉบับคนแสดงนี้นามิก็ยังคงเป็นนามิ ที่มีทักษะการขโมย การหลอกศัตรู และการเป็นต้นหนที่ดี ส่วนเรื่องการต่อสู้นั้นในซีรีย์รู้สึกว่านามิจะค่อนข้างมีความกล้าหาญ กล้าลุยในการต่อสู้มากกว่าต้นฉบับนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขัดอะไรเลย เพราะเอมิลีสามารถแสดงเป็นนามิได้ดีเลยทีเดียว
แมคเคนยู อาราตะ (Mackenyu Arata) รับบทเป็น โรโรโนอา โซโล
สำหรับตัวละครนี้ขอบอกเลยว่ามีแต่คำว่าอวย เพราะนี่มันโซโลชัดๆ ทั้งความนิ่ง ความฮาที่ไม่ได้ตั้งใจฮา แมคเคนยูแสดงได้เหมือนต้นฉบับมากๆ และยิ่งฉากการต่อสู้ที่ใช้ดาบ ก็ดูเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ดูเท่สุดๆ จนอดชมในทุกฉากไม่ได้เลย ในมังงะที่ว่าโซโลเป็นลูกรักแล้ว ฉบับไลฟ์แอ็กชันนี้ลูกรักมากกว่า เราเชื่อว่าตัวละครนี้ต้องพาใครหลายคนตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน
ทาซ สกายลาร์ (Taz Skylar) รับบทเป็น วินสโมค ซันจิ
สำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบบทความหื่น ความบ้าผู้หญิงของซันจิในต้นฉบับ แนะนำเลยว่าฉบับไลฟ์แอ็กชันนี้ตอบโจทย์ให้คุณได้ เพราะคาแรคเตอร์ซันจิในเรื่องจะค่อนข้างซอฟท์กว่า แต่ก็ยังมีพูดจาหลีสาวอยู่นะ โดยทาซแสดงบทบาทเป็นซันจิออกมาได้ดี สื่อถึงความเป็นสุภาพบุรุษ ความรักในการทำอาหารและการชอบช่วยเหลือผู้อื่น ถึงแม้ว่าฉบับคนแสดงจะไม่ได้แสดงนิสัยเป๊ะเหมือนต้นฉบับ แต่ก็ทำให้เรารู้ว่านี่แหละคือซันจิจริงๆ
เจคอบ โรเมโร่ กิบสัน (Jacob Romero Gibson) รับบทเป็น อุซป
คาแรคเตอร์อุซปในซีรีย์จะค่อนข้างโหวกเหวกน้อยกว่าต้นฉบับ แต่ก็ยังคงความเป็นอุซปอยู่ ซึ่งการแสดงของเจคอบนั้นก็แสดงได้ลื่นไหล สมกับเป็นมืออาชีพ แอบเสียดายที่ในเวอร์ชันคนแสดง จมูกอุซปไม่ได้ยาวเหมือนกับต้นฉบับ ส่วนตัวละครอื่นๆ นั้นเราค่อนข้างชอบ Jeff Ward คนที่แสดงเป็นบากี้ เขาสามารถตีบทคาแรคเตอร์ได้ดีเลยทีเดียว โดยในไลฟ์แอ็กชันฉากเปิดตัว ทำออกมาได้ดูโรคจิตและดูโหดกว่าเดิม แต่พอหลังๆ ก็จะหลุดความฮา ความเกรียนออกมาเหมือนบากี้ต้นฉบับ บอกเลยว่านักแสดงคนนี้แสดงเป็นบากี้ออกมาได้น่าสนใจจริงๆ
ส่วนอีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันนั่นก็คือ Morgan Davies ผู้แสดงเป็นโคบี้ ที่ฉบับคนแสดงนั้นมีความเท่กว่า ไม่ได้งอแงเท่าต้นฉบับ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่านี่แหละคือโคบี้ นั่นก็คือเรื่องสายตาที่สื่อถึงการเป็นทหารเรือที่ยึดมั่นในความยุติธรรม และการทำตัวงอๆ ที่แสดงออกมาถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่ง Morgan แสดงออกมาได้ดีเลยจริงๆ
ในภาพรวมของตัวละครทั้งหมด เราว่าตัวละครหลักค่อนข้างแคสมาได้ดีเลยทีเดียว ส่วนตัวละครที่ไม่ได้มีบทเยอะอาจจะมีรู้สึกขัดๆ บ้าง อย่างเช่น มากิโนะ ที่อาจดูดุกว่าต้นฉบับ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องกร่อยแต่อย่างใด ส่วนเรื่องสีผมของตัวละครก็ไม่ได้ทำให้ดูแปลกเหมือนกับว่าใส่วิกอยู่ โดยรวมเราค่อนข้างประทับใจตัวละครเลย
รีวิวเนื้อเรื่อง ONE PIECE Live Action
ภาพรวมของซีรีย์วันพีซภาคคนแสดงนี้ จัดว่าทำออกมาได้กระชับดีเลยทีเดียว โดยการดำเนินเรื่องจะเน้นการเล่าเรื่องปัจจุบันสลับกับอดีต ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกอินในเรื่องความรู้สึกของตัวละครมากขึ้น ส่วนฉาก CG สัตว์อย่าง จ้าวทะเล หอยทากสื่อสาร สัตว์ต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด (คาดหวังช็อปเปอร์ในอนาคตเลย) และฉากการยืดตัวของลูฟี่ กับการแยกชิ้นส่วนร่างกายของบากี้ก็ทำออกมาได้สมูท เหมือนกับมีพลังจากผลปีศาจจริงๆ
สำหรับในเรื่องค่อนข้างใส่ฉากที่เป็นจุดเด่น จุดสำคัญในต้นฉบับมาค่อนข้างเยอะ และเป๊ะเลยทีเดียว ทั้งฉากที่แชงคูสให้หมวกลูฟี่ ฉากแชงคูสเสียแขน ฉากโซโลสู้กับมิฮอร์ค ฉากลูฟี่ใส่หมวกฟางให้นามิ ทำเอาประทับใจสุดๆ และฉากที่เราชอบมากๆ ก็คือฉากตอนจบที่ทุกคนในกลุ่มหมวกฟางยกขาขึ้นมาพร้อมกับพูดเรื่องความฝันที่ต้องการเป็น โดยในหนังจะเพิ่มหน้าตัวละครวัยเด็กของแต่ละคนขึ้นมาในขณะพูด เจ๋งสุดๆ ไปเลยล่ะ
ส่วนเรื่องงานพากย์ ไม่ว่าจะฟังเป็นอังกฤษ ญี่ปุ่น หรือพากย์ไทย ก็ดีงามทุกแบบเลยจริงๆ เราถึงขั้นฟังสลับกันไปมา เพราะไม่ว่าฟังแบบไหนก็ดีทั้งนั้น และอีกหนึ่งเรื่องที่อยากชมก็คือนักแสดงวัยเด็กที่แสดงเป็นลูฟี่ อุซป นามิ โซโล ซันจิ แสดงกันเก่งมากๆ ตบมือให้น้องๆ เลยค่ะ
นอกจากนี้ในช่วงอาร์คคุณเมลเบลก็ดีมากๆ อย่างที่เราเห็นว่าคนที่แสดงเป็นนามิ เป็นคนผิวขาวกับโนจิโกะ เป็นคนผิวดำ ซึ่งสื่อได้ว่าถึงแม้ทั้งคู่จะแตกต่างกันแต่คุณเมลเบลก็รักทั้งคู่จริงๆ ไม่หมดเพียงเท่านี้ทางทีมงานยังแอบใส่รายละเอียดอย่างโลโก้ ONE PIECE ตรงช่วงอินโทร ที่เปลี่ยนไปตามบทตัวละครที่เด่นในตอนนั้น และยังมีอีกหลายฉากที่ซ่อนรายละเอียดอีก ต้องสังเกตุกันดีๆ นะ
ทีนี้มาพูดถึงในจุดด้อย ด้วยความที่ตัวหนังอัดเนื้อเรื่องจาก 12 เล่มให้เหลือแค่ 8 ตอน แน่นอนว่าเนื้อเรื่องถูกตัดออกไปเยอะพอสมควร ซึ่งบางฉากสำคัญอาจไม่มีให้เห็น หรือทำให้ไม่รู้สึกอินกับเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร และฉากการ์ปกับโคบี้รู้สึกว่าใส่มาเยอะจนเกินไป (ไม่เหมือนในต้นฉบับ) แต่ก็สามารถเชื่อมเนื้อเรื่องต่อกันได้ดี
ส่วนฉากต่อสู้ยังไม่สุดสักเท่าไหร่ อย่างการสู้กับพวกอาลอง และกลุ่มคุโระ ที่ดูจบง่ายไปหน่อย กับฉากเลือดที่บางฉากนั้นอาจทำให้รู้สึกขัดใจเพราะเลือดน้อยเลยดูไม่สมจริง แต่ฉากที่โซโลสู้กับมิฮอร์ค ตรงจุดนั้นเราขอชมเลยว่าเหมือนในอนิเมะมากๆ แมคเคนยูแสดงได้เท่สุดๆ
ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่าด้วยความที่เราเป็นเมนซันจิ รู้สึกเสียดายที่ไม่มีฉากซันจิก้มหัวขอบคุณเชฟขาแดง และฉากลาเชฟขาแดงสามารถขยี้ให้ซึ้งได้มากกว่านี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะทางซีรีย์ทำฉากที่ซันจิติดอยู่กลางมหาสมุทรกับเชฟขาแดงได้ออกมาดีสุดๆ และเป็นฉากที่ทำตามมังงะอีกด้วย
สรุปเรื่อง ONE PIECE Netflix ฉบับคนแสดง ไม่ได้ทำเนื้อเรื่องเหมือนต้นฉบับเป๊ะๆ มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหา แต่การปรับเปลี่ยนที่ว่านี้เป็นการเคารพต้นฉบับ เพราะทำออกมาได้ดี ยกระดับหนัง Live Action เราเชื่อว่าคนที่ไม่เคยดูวันพีซมาก่อน ถ้ามาดูเวอร์ชันคนแสดงล่ะก็ จะต้องติดใจแน่นอน ส่วนแฟนคลับวันพีซอย่างเราก็คาดหวังว่าจะมีซีซัน 2 ต่อนะ รีวิว one piece live action